ใคร ๆ ก็ไปญี่ปุ่น ยิ่งหลังจากประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไทย ทั้งทัวร์ใหญ่และทัวร์เล็กก็พานักเที่ยวไทยไปญี่ปุ่นกันมากขึ้น
นอกจากเที่ยวกับทัวร์แล้ว การขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นก็เริ่มเป็นที่นิยม เพราะการขับรถ ในญี่ปุ่นจะขับชิดซ้ายเช่นเดียวกับเมืองไทย ซึ่งหมายความว่ารถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นรถพวงมาลัย อยู่ด้านขวาซึ่งเป็นที่คุ้นเคยของนักขับไทย
คนไทยที่จะไปขับรถในญี่ปุ่น จะต้องได้รับใบอนุญาตขับรถสากล หรือ International Driver License ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ของไทยอยู่แล้ว สามารถไปขอ ทําใบอนุญาตขับรถสากลได้ที่กรมการขนส่งทางบก การขับรถในญี่ปุ่นควรปฏิบัติตามกฎจราจร อย่าง เคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเร็วเกินกําหนดจะมีโทษปรับแพงมาก ๆ ครับ
ระบบ GPS ช่วยให้การขับรถเที่ยวญี่ปุ่นได้สะดวก ถึงที่หมายได้รวดเร็วปลอดภัย เพราะจุดหมายปลายทางที่เราต้องการจะไปไมว่าจะเป็นโรงแรมที่พักร้านอาหารแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้าฯลฯ ต่างก็มีรหัสโลเคชั่น ซึ่งเมื่อตั้งรหัสที่หมายปลายทางแล้ว แผนที่ GPS ก็จะปรากฏ บนจอ เมื่อขับรถตามลูกศรในแผนที่ ก่อนถึงจุดเลี้ยว จะมีเสียงเตือนเป็นภาษาที่เราตั้งโปรแกรมไว้ คณะเราตั้งโปรแกรมเสียงเป็นภาษาอังกฤษเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีโปรแกรมภาษาไทย
ทริปนี้เราไปกัน ๕ คน ประกอบด้วยคุณพ่อที่เป็นคนจัดทริปและเป็นผู้ขับ คุณแม่ และลูกสาว ๕ ขวบ และคุณปู่กับคุณย่าที่เป็น สว. (ผู้สูงวัย) คณะเราจองรถยนต์ Miniavan ของ MAZDA ไว้ สามารถโดยสารได้ ๗ คน แต่คณะเรา ๕ คน ผู้ใหญ่ ๔ เด็ก ๑ จึงโดยสารกัน สบาย ๆ ก่อนมอบรถให้ผู้เช่า เจ้าหน้าที่บริษัทรถเช่าจะพาไปตรวจสภาพรถ เพื่อการตรวจสอบ ตอนนํารถมาคืน บริษัทจะเติมน้ํามันไว้ให้เต็มถัง โดยในวันคืนรถผู้เช่าจะต้องเติมน้ํามันมา ให้เต็ม ถังเช่นกัน มิฉะนั้นจะต้องเสียค่าปรับในอัตราสูง
ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะใหญ่ ๔ เกาะ คือ ฮอนชู ฮอกไกโด คิวชิว และชิโกกุ กับเกาะเล็กอีกจํานวนมาก เกาะฮอกไกโด อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น เป็นเกาะที่มี ประชากรหนาแน่นน้อยกว่าอีก ๓ เกาะ การจราจรภายในเกาะก็ไม่ค่อยสับสนวุ่นวาย ฮอกไกโด จึง เหมาะจะเป็นที่เริ่มต้นการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น
ชิโตเสะ เป็นสนามบินนานาชาติของเกาะฮอกไกโด อยู่ห่างจากเมื่อซับโปโรที่เป็น เมืองหลวงของเกาะพอสมควร แต่สามารถเดินทางเข้ามายังตัวเมืองซับโปโรได้ท้ังทางรถและ Subway ออฟฟิชของบริษัทรถเช่ามิได้อยู่ในบริเวณสนามบิน จึงมีรถ Shuttle Bus พาผู้ที่จองรถ เช่ามาทางออนไลน์ไปรับรถที่จอดไว้
เลคโทยะ ทะเลสาบโทยะเป็นทะเลสาบที่สวยงานมีชื่อเสียงของฮอกไกโด บริเวณ กลางทะเลสาบจะมีภูเขาที่มีรูปพรรณคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ เรียกกันว่าเป็น “ฟูจิน้อย” รอบ ๆ ทะเลสาบจะมีอาคารโรงแรมที่พักสะดวกสบาย คืนแรกจากลงเครื่องบิน คณะเราพักค้าง ชมความงามริมทะเลสาบโทยะนี้ อาหารค่ําเป็นอาหารชุดญี่ปุ่นอันแสนโอชะ
ฮาโกดาเตะ เช้าวันรุ่งขึ้น เราขับรถขึ้นไฮเวย์ตรงไปยังเมืองฮาโกดาเตะ จ่ายค่าใช้ทาง โดยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งติดอยู่กับรถเช่าทุกคัน ค่าใช้ทางนี้ผู้เช่ารถจะกลับมาจ่ายให้กับบริษัท เมื่อนํารถมาคืน
ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองใหญ่ลําดับรองลงไปจากซับโปโร เป็นเมืองท่าที่สําคัญ ซึ่งสมัยญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศ ชาวต่างชาติได้เข้ามาก่อสร้างโกดังสินค้าด้วยอิฐแดง ซึ่งปัจจุบันทาง เมืองฮาโกดาเตะได้พัฒนาโกดังสินค้าอิฐแดงเหล่านี้เป็นช้อปปิ้งแอเรียที่นักท่องเที่ยวไปชมวิวและ ซื้อของที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีอาคารที่ทําการเมืองเก่าซึ่งก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตก สวยงามมาก รวมถึงป้อมห้าดาว ซึ่งเป็นปราสาทของเดเมียวผู้ปกครองฮาโกดาเตะในสมัยก่อน โดยข้าง ๆ ป้อม สร้างเป็นหอคอยจุดชมวิวของเมืองด้วย
มาถึงเมืองฮาโกดาเตะ จุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ก็คือ หอชมวิวบนเนินเขา ฮาโกดาเตะ โดยมีเคเบิ้ลคาร์ขึ้นลง เมื่อมองลงมาจะเห็นเมืองฮาโกดาเตะตั้งอยู่ระหว่างสองอ่าว ย่ิงตอนพลบค่ำจะมีแสงไฟระยิบระยับ ทําให้วิวของเมืองสวยงานมากติดอันดับโลก
คณะของเราเลือกพักโรงแรมบริเวณหน้าสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ ซึ่งปัจจุบันรถไฟ ด่วนชิงกันเซ็นสามารถวิ่งลอดอุโมงค์ใต้ทะเลจากเมืองอาโอโมริบนเกาะฮอนชูตรงเข้ามาถึง เมืองฮาโกดาเตะได้แล้ว บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟจะเป็นย่านร้านอาหาร โดยมื้อค่ำเราเลือกไปที่ ศูนย์รวมร้านอาหารที่มีอาหารญี่ปุ่นแท้ ญี่ปุ่นสไตล์จีนและญี่ปุ่นสไตล์ยุโรป รวมทั้งราเม็งน้ําซุป ฮอกไกโดที่แสนอร่อย ส่วนมื้อเช้าเราไปอาคารศูนย์รวมอาหารญี่ปุ่นข้างตลาดสดหน้าสถานี วัตถุดิบจึงสดมาก ดังในคลิปวิดีโอที่โชว์อยู่หน้าร้าน ลูกค้าสั่งข้าวหน้าอาหารทะเลทั้งปลาดิบ ไข่ปลา และปลาหมึกที่สดมากจนกระโดดออกไปจากชาม ผู้กินต้องเอาตะเกียบไล่คีบกลับมา คณะเราส่วนใหญ่เป็นแฟนซีรีย์ญี่ปุ่น “อามะจัง” ที่เล่าถึงสาวน้อยที่รักจะเป็นสาวดําน้ําหา หอยเม่น เราจึงสั่งข้าวหน้าอูนิหรือไข่หอยเม่นมาทานกัน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะอร่อยมาก ๆ
โนโบริเบทสึ หลังจากช้อปของที่ระลึกบริเวณโกดังอิฐแดง และอาหารกลางวัน บริเวณริมอ่าวแล้ว เราก็ออกจากฮาโกดาเตะขึ้นไฮเวย์มายังโนโยริเบทสึ โนโบริเบทสึเป็นเมืองน้ําแร่ ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีของฮอกไกโด ทัวร์จากเมืองไทยมักจะ พาลูกทัวร์มาแช่ออนเซ็นกันที่นี้ คณะของเราเลือกโรงแรมออนเซ็นที่ค่อนข้างใหญ่ที่มีบ่อแช่น้ําแร่ให้เลือกได้หลายแบบ อาหารค่ำ แบบแกรนด์บุฟเฟต์มีอาหารให้เลือกได้มากจนลานตา
โอตารุ เป็นเมืองท่าสําคัญของเกาะฮอกไกโดด้านเหนือเมืองซับโปโร ตั้งแต่สมัย เริ่มแรก โอตารขุดคลองจากชายฝั่งทะเลเข้ามายังโกดังคลังสินค้าในตัวเมืองโอตารุ ปัจจุบันโกดัง ริมคลองเหล่านี้ ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมได้ทุก ๆ ฤดูกาล ซึ่งจะสวยงามแตกต่าง กันไป โอตารุอยู่ไม่ไกลจากซัปโปโร ทัวร์ที่มาฮอกไกโดทุกหัวร์จึงพานักท่องเที่ยวมาโอตารุด้วย ขนม ของฝากจากโอตารุที่นิยมมาซื้อหากัน ได้แก่ โปเตโตชิป ขนมเค้ก คุกกี้ ฯลฯ อาหารอร่อยที่ ผู้เขียน ขอบเวลามาโอตารุ คือ ซูซิหรือข้าวปั้นหน้า (อาหารทะเล) ต่าง ๆ ร้านนี้มีชื่อเสียงด้านความ อร่อย ของซูซิและข้าวห่อสาหร่าย ร้านตั้งอยู่บริเวณสี่แยกตรงข้ามกับโกดังริมคลองที่นักท่องเที่ยวมา ถ่ายรูปกัน คณะของเรามิได้พักค้างที่โอตารุ แต่ตรงเข้ามายังโรงแรมที่จองไว้ในซัปโปโดยจองไว้ ล่วงหน้า โรงแรม IBIZ ที่เราจะพัก ๒ คืน มีอาคารที่จอดรถให้ด้วย
ซัปโปโร เป็นเมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด การวางผังเมืองของซัปโปโร เป็นตาราง สี่เหลี่ยมจัตุรัส จึงเรียบร้อยและสวยงาม ตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นครซัปโปโรจัดให้มี เทศกาล หิมะ หรือ Snow Festival มีการประกวดรูปปั้นน้ําแข็งที่ช่างแกะสลักน้ําแข็งจากทั่วโลก มาแข่งขัน กัน งานจัดให้มีขึ้นบริเวรด้านหน้าอาคารที่ทําการเมืองเดิม ปัจจุบันได้ปรับให้เป็น พิพิธภัณฑ์ โบราณคดีของเกาะฮอกไกโด มีเรื่องเกี่ยวกับชนพื้นเมืองของเกาะฮอกไกโด คือ ชาวไอนุ นักท่องเที่ยวควรหาโอกาสเข้าชม
ค่ำวันแรกในซัปโปโร คณะเราไปยังศูนย์รวมราเม็งในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ใกล้กับสถานีรถไฟซัปโปโร เพื่อชิมราเม็งน้ําซุปรสเด็ดสูตรของซัปโปโร ส่วนมื้อค่ำของวันที่สอง ในซัปโปโรเราไปเยี่ยมร้านข้าวหน้าปลาไหลย่างเจ้าเก่าดั้งเดิมของซัปโปโร คุณลุงเจ้าของร้าน จะอํานวยการในการย่างปลาอย่างละเมียดละไมใจเย็นมาก เริ่มต้นตั้งแต่การแล่ปลาไหล การปิ้งย่างปลาไหลไป ทาน้ําซอลไปให้ลูกค้าที่มักจะสั่งเบียร์หลุ (เบียร์) หรือสาเกมาจิบรอทานปลา ไหลย่างไปพลาง
วันที่อยู่ในซัปโปโรเต็มวันนั้น คณะเราตกลงไปเยี่ยมชมโรงเบียร์ซัปโปโร อันมีชื่อเสียง นอกจากจะมีการสาธิตการทําเบียร์แล้ว โรงเบียร์ยังจัดให้มีการชิมเบียร์ในราคา แก้วละ ๒00 เยน แต่หากสั่งเป็นชุดมี ๓ แก้ว แถมเครื่องแกล้มเป็นซีสฮอกไกโดที่หอมอร่อย ก็จะคิดเพียง ๕๐๐ เยน เท่านั้น ในตอนบ่ายก็กลับเข้ามาหาซื้อของฝากตามศูนย์การค้า ในเมืองซัปโปโร
คืนรถเช่า เช้าวันสุดท้ายเมื่อเสร็จจากทานอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่ทางโรงแรม จัดไว้ให้ คณะเราก็เก็บข้าวของเพื่อนํารถไปคืนให้บริษัท โดยไม่ลืมเติมน้ํามันรถให้เต็มก่อนจะนําไป คืนพร้อมกันชําระค่าผ่านทางไฮก์เวย์ให้ครบถ้วน ส่วนค่าเช่ารถนั้นได้จ่ายโดยบัตรเครดิตออนไลน์ ใหต้ั้งแต่ตอนขอเช่ารถแล้วจากนั้นก็ขึ้นชัทเทิลบัสของบริษัทมาสนามบินซิโตเสะโดยเครื่องของเรา จะออกบินกลับกรุงเทพฯ ในช่วงตอนบ่าย ๆ ครับ
ตั้งใจจะมาอีก หกวันห้าคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่พวกเรายังสนุกกับการขับรถ ชมทิวทัศน์อันสวยงานของเมืองต่าง ๆ บนเกาะฮอกไกโด ยังอิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นอันโอชะของ แต่ละเมือง จึงตั้งใจว่าจะกลับมาขับรถเที่ยวที่ฮอกไกโดนี้อีก โดยครั้งหน้าตั้งใจจะไปให้ถึงจุดสูงสุด ของฮอกไกโดซึ่งเป็นจุดสูงสุดของญี่ปุ่นด้วยที่แหลมวากะไนย และจะแวะเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ชายฝั่งทะเลด้านเหนือของเกาะฮอกไกโดด้วยครับ
แล้ว ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะครับ